รศ.ดร.มงคล กวางวโรภาส สังกัด ภาควิชาวิศวกรรมเกษตร คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ได้ออกแบบและสร้างเครื่องสกัดน้ำมันงาแบบเย็น (รูปที่ 1) โดยใช้กำลังจากระบบไฮดรอลิก ต้นกำลังประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 1.5 กิโลวัตต์ ขับปั๊มไฮโดรอลิกให้ส่งน้ำมันออกมาในอัตรา 3.7 ลิตรต่อนาที ด้วยความดันใช้งาน 150 บาร์ จำกัดความดันสูงสุดด้วยวาล์วผ่อนคลายความดัน น้ำมันจะถูกส่งผ่านวาล์วควบคุมทิศทางเข้าสู่กระบอกไฮดรอลิก
ชุดอุปกรณ์ของการสกัดประกอบด้วยกระบอกโลหะเจาะรูขนาด 2 มิลลิเมตรโดยรอบ บรรจุงาได้สูงสุดครั้งละ 2.5 กิโลกรัม ด้านล่างมีถาดรองรับน้ำมัน ด้านบนมีชุดฝาอัดยึดติดส่วนบนของเสาหลักของเครื่องสกัดน้ำมันงาแบบเย็นทำหน้าที่บีบอัดงาในกระบอกด้วยแรงดัน น้ำมันงาจะไหลออกจากรูรอบกระบอกลงสู่ถาดรองรับด้านล่าง ปริมาณน้ำมันงาที่ได้ คือ 800 ลูกบาศก์เซนติเมตรต่อชั่วโมง คิดเป็น 30-35 เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนัก ในการสกัดแต่ละครั้งจะเปิดสวิทช์ควบคุมให้มอเตอร์ไฟฟ้าทำงานเป็นบางจังหวะ เพื่อรักษาความดันน้ำมันไฮดรอลิกในวงจรให้อยู่ระหว่าง 100-150 บาร์
น้ำมันงาที่สกัดได้จากเครื่องสกัดน้ำมันงาแบบเย็นสำหรับวิสาหกิจชุมชนนี้ เป็นน้ำมันงาที่มีคุณภาพสูง มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น กรดไลโอเลอิก อยู่ครบถ้วน ไม่ถูกทำลายเหมือนน้ำมันงาที่สกัดด้วยวิธีทางความร้อนหรือด้วยวิธีการทางเคมี รวมทั้งไม่มีเศษชิ้นส่วนของเมล็ดงา ปะปนเหมือนการสกัดด้วยวิธีการใช้เกลียวอัด (screw press) น้ำมันงาที่สกัดได้จึงมีคุณภาพดี เป็นที่ต้องการของลูกค้าและเหมาะกับการใช้งานทุกประเภท เครื่องสกัดดังกล่าวมีกลไกการทำงานที่ไม่ซับซ้อน
จึงเหมาะกับการใช้งานในวิสาหกิจชุมชนและผู้ประกอบการรายย่อย
ติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติม โปรแกรมเครื่องจักรกลเพื่อการเกษตรและอาหาร โทร.02 564 6700 ต่อ 3420, 3445 (ไชยันต์) e-mail : chaiyan@nstda.or.thchaiyan@nstda.or.th
วันอาทิตย์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2553
การพูด จาก http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/pechburi/marina_wisan/work3.html
การพูด มีความสำคัญต่อชีวิตมนุษย์เป็นอันมาก ไม่ว่าจะอยู่ ณ ที่ใด ประกอบกิจการงานใด หรือคบหาสมาคมกับผู้ใด ก็ต้องสื่อสารด้วยการพูดเสมอ จึงมักพบว่า ผู้ที่ประสบความสำเร็จในกิจธุระการงาน การคบหาสมาคมกับผู้อื่น ตลอดจนการทำประโยชน์แก่สังคมส่วนรวม ล้วนแต่เป็นคนที่มีประสิทธิภาพในการพูดทั้งสิ้นส่วนหนึ่งของการพูดสามารถสอนและฝึกได้ อาจกล่าวได้ว่า การพูดเป็น " ศาสตร ์" มีหลักการ และกฎเกณฑ์เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะ ถึงขั้นเป็นที่พอใจอีกส่วนหนึ่งเป็นความสารถพิเศษหรือศิลปะเฉพาะตัวของผู้พูดแต่ละบุคคล บางคนมีความสามารถที่จะตรึงผู้ฟังให้นิ่งอยู่กับที่จิตใจจดจ่ออยู่กับการฟังเรื่องที่พูด ผู้พูดบางคนสามารถพูดให้คนฟังหัวเราะได้ตลอดเวลา ศิลปะเฉพาะตัวนี้
เป็นสิ่งที่ลอกเลียนกันได้ยาก แต่อาจพัฒนาขึ้นได้ในแต่ละบุคคล ซึ่งการพูดที่มีประสิทธิภาพเกิดจากการสังเกตวิธีการที่ดีและมีโอกาสฝึกฝน
ประเภทของการพูด แบ่งได้ 2 ประเภท คือ
1. การพูดระหว่างบุคคล ได้แก่
- การทักทายปราศัย ลักษณะการทักทายปราศัยที่ดีดังนี้
- หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส แสดงอาการยินดีที่ได้พบผู้ที่เราทักทาย
- กล่าวคำปฏิสันถารที่เป็นที่ยอมรับกันในสังคม เช่น สวัสดีครับ สวัสดีค่ะ
- แสดงกิริยาอาการประกอบคำปฏิสันถาร
- ข้อความที่ใช้ประกอบการทักทายควรเป็นเรื่องที่ก่อให้เกิดความสบายใจ
- การแนะนำตนเอง การแนะนำเป็นสิ่งจำเป็น และมีความในการดำเนินชีวิตประจำวัน บุคคลอาจแนะนำตนเองในหลายโอกาสด้วยกัน การแนะนำตนเองมีหลักปฏิบัติดังนี้คือ ต้องบอกชื่อ นามสกุล บอกรายละเอียดกับตัวเรา และบอกวัตถุประสงค์ในการแนะนำตัว
- การสนทนา หมายถึง การพูดคุยกัน พูดจาเพื่อนสื่อสารแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิด ความรู้สึก และประสบการณ์ การรับสารที่ง่ายที่สุ ด คือ การสนทนา
- คุณสมบัติของการสนทนาที่ดี คือ
- หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส
- ใช้ถ้อยคำสำนวนภาษาที่ง่าย ๆ สุภาพ คำพูดและน้ำเสียงน่าฟัง เป็นกันเองกับคู่สนทนา
- คุณสมบัติของการสนทนาที่ดี คือ
2. การพูดในกลุ่ม การพูดในกลุ่มเป็นกิจกรรมที่สำคัญในสมัยปัจจุบัน ทั้งในชีวิตประจำวันและในการศึกษาเป็นเปิดโอกาสให้สมาชิกในกลุ่มได้ซักถาม แสดงความคิดเห็น หรือเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วมาเล่าให้ฟังกัน มีวิธีการดังต่อไปนี้
- เล่าถึงเนื้อหาและประเด็นประเด็นสำคัญ ๆ ว่ามีอะไรบ้าง
- ภาษาที่ใช้ควรเป็นภาษาที่ง่าย
- น้ำเสียงชัดเจนน่าฟัง เน้นเสียงในตอนที่สำคัญ
- ใช้กิริยาท่าทางประกอบการเล่าเรื่องตามความเหมาะสม
- ผู้เล่าเรื่อควรจำเรื่องไดเป็นอย่างดี
- มีการสรุปข้อคิดในตอนท้าย
การพูด มีความสำคัญต่อชีวิตมนุษย์เป็นอันมาก ไม่ว่าจะอยู่ ณ ที่ใด ประกอบกิจการงานใด หรือคบหาสมาคมกับผู้ใด ก็ต้องสื่อสารด้วยการพูดเสมอ จึงมักพบว่า ผู้ที่ประสบความสำเร็จในกิจธุระการงาน การคบหาสมาคมกับผู้อื่น ตลอดจนการทำประโยชน์แก่สังคมส่วนรวม ล้วนแต่เป็นคนที่มีประสิทธิภาพในการพูดทั้งสิ้นส่วนหนึ่งของการพูดสามารถสอนและฝึกได้ อาจกล่าวได้ว่า การพูดเป็น " ศาสตร ์" มีหลักการ และกฎเกณฑ์เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะ ถึงขั้นเป็นที่พอใจอีกส่วนหนึ่งเป็นความสารถพิเศษหรือศิลปะเฉพาะตัวของผู้พูดแต่ละบุคคล บางคนมีความสามารถที่จะตรึงผู้ฟังให้นิ่งอยู่กับที่จิตใจจดจ่ออยู่กับการฟังเรื่องที่พูด ผู้พูดบางคนสามารถพูดให้คนฟังหัวเราะได้ตลอดเวลา ศิลปะเฉพาะตัวนี้
เป็นสิ่งที่ลอกเลียนกันได้ยาก แต่อาจพัฒนาขึ้นได้ในแต่ละบุคคล ซึ่งการพูดที่มีประสิทธิภาพเกิดจากการสังเกตวิธีการที่ดีและมีโอกาสฝึกฝน
ประเภทของการพูด แบ่งได้ 2 ประเภท คือ
1. การพูดระหว่างบุคคล ได้แก่
- การทักทายปราศัย ลักษณะการทักทายปราศัยที่ดีดังนี้
- หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส แสดงอาการยินดีที่ได้พบผู้ที่เราทักทาย
- กล่าวคำปฏิสันถารที่เป็นที่ยอมรับกันในสังคม เช่น สวัสดีครับ สวัสดีค่ะ
- แสดงกิริยาอาการประกอบคำปฏิสันถาร
- ข้อความที่ใช้ประกอบการทักทายควรเป็นเรื่องที่ก่อให้เกิดความสบายใจ
- การแนะนำตนเอง การแนะนำเป็นสิ่งจำเป็น และมีความในการดำเนินชีวิตประจำวัน บุคคลอาจแนะนำตนเองในหลายโอกาสด้วยกัน การแนะนำตนเองมีหลักปฏิบัติดังนี้คือ ต้องบอกชื่อ นามสกุล บอกรายละเอียดกับตัวเรา และบอกวัตถุประสงค์ในการแนะนำตัว
- การสนทนา หมายถึง การพูดคุยกัน พูดจาเพื่อนสื่อสารแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิด ความรู้สึก และประสบการณ์ การรับสารที่ง่ายที่สุ ด คือ การสนทนา
- คุณสมบัติของการสนทนาที่ดี คือ
- หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส
- ใช้ถ้อยคำสำนวนภาษาที่ง่าย ๆ สุภาพ คำพูดและน้ำเสียงน่าฟัง เป็นกันเองกับคู่สนทนา
- คุณสมบัติของการสนทนาที่ดี คือ
2. การพูดในกลุ่ม การพูดในกลุ่มเป็นกิจกรรมที่สำคัญในสมัยปัจจุบัน ทั้งในชีวิตประจำวันและในการศึกษาเป็นเปิดโอกาสให้สมาชิกในกลุ่มได้ซักถาม แสดงความคิดเห็น หรือเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วมาเล่าให้ฟังกัน มีวิธีการดังต่อไปนี้
- เล่าถึงเนื้อหาและประเด็นประเด็นสำคัญ ๆ ว่ามีอะไรบ้าง
- ภาษาที่ใช้ควรเป็นภาษาที่ง่าย
- น้ำเสียงชัดเจนน่าฟัง เน้นเสียงในตอนที่สำคัญ
- ใช้กิริยาท่าทางประกอบการเล่าเรื่องตามความเหมาะสม
- ผู้เล่าเรื่อควรจำเรื่องไดเป็นอย่างดี
- มีการสรุปข้อคิดในตอนท้าย
ความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ จาก http://www.school.net.th/schoolnet/directory/elearning.php
หลักการทำงานของคอมพิวเตอร์แบ่งเป็น 3 ขั้นตอน
o รับข้อมูล เป็นส่วนรับคำสั่งจากผู้ใช้เข้าไปในเครื่อง
โดยผ่านอุปกรณ์ เช่น คีย์บอร์ด เมาส์ เป็นต้น
o ประมวลผล จะนำคำสั่งที่รับมาจากส่วนรับข้อมูลไปปฏิบัติ
โดยหน่วยประมวลผลมีชื่อ เรียกว่า ซีพียู
o แสดงผล เป็นส่วนที่แสดงผลที่ได้จากการประมวลผลให้ผู้ใช้
อุปกรณ์ ที่ทำหน้าที่นี้ ได้แก่ จอภาพ ลำโพง เป็นต้น
ส่วนประกอบภายในของคอมพิวเตอร์
ภายในตัวเครื่อง หรือที่เรียกว่า เคส ( Case ) จะประกอบด้วย
o หม้อแปลงไฟฟ้า ( Power Supply ) ทำหน้าที่แปลงไฟฟ้า
กระแสสลับเป็น ไฟฟ้ากระแสตรง โดยมีพัดลมเพื่อระบายความร้อนในเครื่อง
o เมนบอร์ด ( Mainboard ) เป็นแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์หลัก
ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของระบบในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายใน
เช่น หน่วยประมวลผลกลาง หน่วยความจำ การ์ดต่างๆ
o หน่วยประมวลผลกลาง เรียกว่า ซีพียู ( CPU : Central Processing Unit )
หรือ เรียกว่า โปรเซสเซอร์ ( Processor ) เปรียบเสมือน
สมองของคอมพิวเตอร์ ทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูล และควบคุม
การโอนย้ายข้อมูล ระหว่างส่วนต่างๆ ในเครื่อง
o หน่วยความจำ หรือที่เรียกว่า แรม ( RAM : Random Access Memory )
เป็นแหล่งเก็บข้อมูลชั่วคราวที่ถูกนำมาใช้ในการประมวลผล
o การ์ด ( Card ) เป็นแผลวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ที่ใช้ขยาย
ความสามารถของคอมพิวเตอร์ เช่น การ์ดแสดงผล หรือ Video Card
ทำหน้าที่นำข้อมูลไปแสดงผลออกทางจอภาพ
o ฮาร์ดดิสก์ ( Harddisk ) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้เก็บข้อมูลต่างๆ
ที่เราต้องการเก็บไว้ โดยขนาดความจุของฮาร์ดดิสก์
จะถูกวัดเป็นหน่วยไบต์ เช่น 1 เมกะไบต์
o เครื่องอ่านเขียนแผ่นดิสก์ ( Floppy Disk Drive )
ใช้สำหรับอ่านแผ่นดิสก์ ที่สามารถบรรจุข้อมูลได้ 1.44 เมกะไบต์
o เครื่องอ่านแผ่นซีดี ( CD - ROM Drive ) ใช้อ่านแผ่น
ซีดีรอม โดย ซีดีรอม หนึ่งแผ่น สามารถบรรจุข้อมูลได้ 700 เมกะไบต์
วันเสาร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2553
นวัตกรรมทางการศึกษา
นวัตกรรมทางการศึกษา "เพื่อเป็นผลงานทางวิชาการสำหรับครู"
นวัตกรรม หมายถึง เครื่องมือ สื่อ หรือ วิธีการใหม่ๆ ที่นำมาพัฒนาการเรียนรู้ให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ในทางที่ดีมีคุณภาพ และเกิดประสิทธิภาพสูงขึ้น ไม่ว่าสื่อหรือวิธีการนั้นจะคิดขึ้นใหม่ หรือ ดัดแปลงปรับปรุงมาจากของเดิมหรือเคยใช้ได้ผลดีมาแล้วจากที่อื่น และนำมาใช้อีก ก็ถือว่าเป็น "นวัตกรรม"
นวัตกรรมแบบทางการศึกษา หมายถึง เครื่องมือ สื่อ แนวคิด วิธีการกระบวนการ หรือสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ที่นำมาใช้แก้ปัญหาเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพตรงตามเป้าหมายของหลักสูตร
ประเภทนวัตกรรมทางการศึกษา ตามลักษณะผู้ใช้ประโยชน์จำแนกได้ดังนี้
ประเภทนวัตกรรม/สื่อสำหรับครู | ประเภทนวัตกรรม/สื่อสำหรับนักเรียน |
- คู่มือครู - เอกสารประกอบการสอน - ชุดการการสอน - สื่อประสมชนิดต่างๆ - หนังสืออ้างอิง - เครื่องมือวัดผลประเมินผล - อุปกรณ์โสตทัศนวัสดุ - โครงการ - วิจัยในชั้นเรียน - การศึกษาผู้เรียนเป็นรายบุคคล - วิธีสอนแบบต่างๆ ฯลฯ | - บทเรียนสำเร็จรูป - เอกสารประกอบการเรียน - ชุดฝึกปฏิบัติ - ใบงาน - หนังสือเสริมประสบการณ์ - ชุดเพลง - ชุดเกม - โครงงาน ฯลฯ |
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)